ประวัติความเป็นมา
พระราชกฤษฎีกา จัดตั้งคณะเศรษฐศาสตร์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ . ศ .2513 ได้ให้เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวว่า “ เนื่องจากวิชาเศรษฐศาสตร์เป็นวิชาสำคัญและจำเป็นในการวางแผนพัฒนาประเทศ และประเทศไทยยังขาดแคลนบัณฑิตในสาขาวิชานี้อยู่เป็นจำนวนมาก การสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในขณะนี้ได้แยกกันจัดดำเนินการโดยสองแผนกวิชาคือ แผนกวิชาเศรษฐศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และแผนกวิชาการคลัง คณะรัฐศาสตร์ สมควรรวมแผนกวิชาเศรษฐศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และแผนกวิชาการคลัง คณะรัฐศาสตร์ เข้าด้วยกัน แล้วจัดตั้งเป็นคณะเศรษฐศาสตร์ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ " ด้วยเหตุนี้คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้ถือกำเนิดขึ้น ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2513
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งคณะเศรษฐศาสตร์ ศาสตราจารย์ อาภรณ์ กฤษณามระ คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีในสมัยนั้น ได้เป็นผู้ริเริ่มและเสนอโครงการยกฐานะแผนกวิชาเศรษฐ ศาสตร์ขึ้นเป็นคณะเศรษฐศาสตร์ ต่อจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยและสภาการศึกษาแห่งชาติ ตั้งแต่ พ . ศ . 2510 แต่เมื่อสภาการศึกษาแห่งชาติได้พิจารณาหลักสูตรการศึกษาของโครงการดังกล่าวแล้ว มีความเห็นว่า หลักสูตรนั้นมีความคล้ายคลึงกับหลักสูตรการศึกษาของแผนกวิชาการคลังคณะรัฐศาสตร์อยู่มาก น่าที่จะพิจารณารวมการดำเนินงานเข้าด้วยกัน จึงส่งเรื่องมาให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพิจารณาอีกครั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้ ตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่ง ซึ่งมีศาสตราจารย์ ดร . แถบ นีละนิธิ อธิการบดีในสมัยนั้นเป็นประธาน ศาสตราจารย์ ดร . ประสม สถาปิตานนท์ เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยมีอาจารย์จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และคณะรัฐศาสตร์ ร่วมเป็นกรรมการอีก 6 ท่าน
คณะกรรมการชุดนั้น ได้จัดทำโครงการและหลักสูตรคณะเศรษฐศาสตร์ขึ้นใหม่ โดยมีหลักการให้คณะเศรษฐศาสตร์เป็นคณะที่มีการบริหารงานอิสระ มีหน้าที่ให้บริการด้านเศรษฐศาสตร์แก่คณะอื่นๆ และรับบริการทางวิชาการด้านอื่น ๆ จากคณะต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว และเมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งคณะเศรษฐศาสตร์ขึ้นเป็นทางการแล้ว ให้ยุบแผนกวิชาเศรษฐศาสตร์ และแผนกวิชาการคลัง และโอนอาจารย์ของทั้งสองแผนกวิชามาสังกัดคณะใหม่ ส่วนนิสิตที่กำลังศึกษาอยู่ตามหลักสูตรเดิมให้พิจารณาโอนเท่าที่เหมาะสม เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อการศึกษาของนิสิตและการบริหารงานของคณะ สภาการศึกษาแห่งชาติพิจารณาหลักสูตรและโครงการตามข้อเสนอใหม่แล้วเห็นชอบด้วย จึงอนุมัติให้จัดตั้งคณะเศรษฐศาสตร์ โดยในขั้นแรกให้เปิดสอน 4 แผนกวิชาคือ เศรษฐศาสตร์ทฤษฏี เศรษฐศาสตร์พัฒนาการ เศรษฐศาสตร์การเงินและการคลัง และเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ
ดังนั้น ตั้งแต่ปีการศึกษา 2511 เป็นต้นมา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้เริ่มรับนิสิตเข้าศึกษาตามโครงการจัดตั้งคณะเศรษฐศาสตร์ขึ้นเป็นปีแรก แต่โดยที่ยังไม่ได้จัดตั้งคณะเศรษฐศาสตร์ขึ้นเป็นทางการ นิสิตเหล่านั้นจึงมีฐานะเป็นนิสิตสังกัดแผนกวิชาเศรษฐศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีไปก่อน พร้อมกันนั้นก็ให้คณะรัฐศาสตร์รับนิสิตเข้าศึกษาตามหลักสูตรแผนกวิชาการคลังเป็นรุ่นสุดท้าย
เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งคณะเศรษฐศาสตร์ขึ้นในเดือนสิงหาคม 2513 แล้ว ในเดือนตุลาคม 2513 สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้พิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมเพื่อดำรงตำแหน่งคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ซึ่งปรากฏว่าศาสตราจารย์ ดร . ประชุม โฉมฉาย ได้รับการคัดเลือกให้เป็นคณบดี ซึ่งนับเป็นคณบดีคนแรกของ คณะเศรษฐศาสตร์ และให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกวิชาเศรษฐศาสตร์ทฤษฎีด้วย ต่อมาสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้พิจารณาเลือกตั้งหัวหน้าแผนกวิชาที่เหลืออีก 3 แผนกวิชา ซึ่งปรากฏผลดังนี้ คือ ศาสตราจารย์ปัจจัย บุนนาค ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกวิชาเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ไศล นิรัติศยกุล ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกวิชาเศรษฐศาสตร์พัฒนาการ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร . ชมเพลิน จันทร์เรืองเพ็ญ * ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกวิชาเศรษฐศาสตร์การเงินและการคลัง ต่อมาในปี พ . ศ .2515 สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้อนุมัติให้คณะเศรษฐศาสตร์เปิดแผนกวิชาเศรษฐศาสตร์ปริมาณวิเคราะห์ขึ้นอีกแผนกวิชาหนึ่ง โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สมคิด แก้วสนธิ * เป็นหัวหน้าแผนกวิชา
อนึ่ง ในวันที่ 15 ตุลาคม 2523 ได้มีคำสั่งของทบวงมหาวิทยาลัยประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 97 ตอนที่ 160 ให้ยุบเลิกแผนกวิชา ในคณะเศรษฐศาสตร์ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในด้านการเรียนการสอนยิ่งขึ้น ทั้งนี้โดยเป็นไปตามข้อเสนอของคณาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ ที่เห็นว่าเศรษฐศาสตร์นั้นมีความกลมกลืนภายในศาสตร์ค่อนข้างมาก คณะเศรษฐศาสตร์ จึงเป็นต้นแบบของคณะวิชาที่ไม่มีภาควิชาเป็นสถาบันแรกของประเทศ
|